Home » » คัมภีร์หน้าใส : ล้างหน้าให้สะอาดคือหัวใจสำคัญ

คัมภีร์หน้าใส : ล้างหน้าให้สะอาดคือหัวใจสำคัญ



หัวใจของใบหน้าที่เกลี้ยงเกลา คือใบหน้าที่สะอาด
ไม่ว่าแต่ละวันผิวหน้าจะเจอกับอะไร แต่สุดท้ายใบหน้าจะต้องสะอาด
มลพิษต่างๆ รวมถึงแป้ง เครื่องสำอาง จะต้องไม่ตกค้างอยู่บนผิว

แต่ความต้องการอื่นที่มากกว่าความสะอาด ทำให้โฟม/ครีม/สบู่ล้างหน้าเสียคุณค่าที่แท้จริงไป
เราคงไม่อาจปรารถนาความใสไปจนถึงขาวสว่างออร่ามีน้ำมีนวลจากโฟม/ครีม/สบู่ล้างหน้าที่สัมผัสใบหน้าแค่ในเสี้ยวนาที
แค่ทำความสะอาดผิวหน้าได้สะอาดจริง ไม่ทิ้งสิ่งตกค้าง ไม่ระคายเคืองผิวได้ 
ไอเท็มล้างหน้าทั้งหลายแหล่ก็ทำหน้าที่ตัวเองได้บริบูรณ์แล้ว

ไอเท็มล้างหน้ามีรูปแบบหลากหลาย
เบื้องต้นขอแบ่งเป็น 2 แบบคร่าวๆ คือสบู่ก้อนและสบู่เหลว
สบู่ก้อน : ทั้งแบบที่ได้จากปฏิกิริยา Saponification และจากการสังเคราะห์ pH จะเป็นด่าง(มากกว่าpHผิวคือ 5.5)
สบู่เหลว : ใช้สารทำความสะอาด Surfactant ทั้งแบบประจุบวก ลบ และไม่มีประจุ (ตามที่ผู้ผลิตเลือกใช้)ที่ปรับ pH5.5ได้
การที่ผิวมีpH5.5 คือเป็นค่าความเป็นกรดเบสที่เหมาะสมกับผิวที่สุด
 ถ้ามีเหตุให้pHเปลี่ยนไปผิวจะปรับตัวเองให้คืนสู่ธรรมชาติคือ5.5
ถ้าใครสุขภาพผิวดีหน่อย ก็อาจจะใช้ไอเท็มทำความสะอาดที่เป็นเบสได้
แต่ใครมีสุขภาพผิวไม่ดีนัก อาจมีสัญญาณเตือนจากผิวให้รู้ว่า "ฉันไม่ไหวแล้ว" ผ่านอาการระคายเคือง หรือสิว

ต่อมาเรื่องฟอง
ฟองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับการช่วยทำความสะอาด
การเลือกใช้สารทำความสะอาดก็มีผลในตัวของมันเอง
เช่นถ้าเลือกใช้แบบประจุบวก หรือลบ สบู่ก็จะมีฟองมาก
__ถ้าเลือกใช้แบบไม่มีประจุ จะมีฟองน้อยหรือไม่มีฟอง
หลายคนบอกว่าฟองคือผลพลอยได้ มีนก็จริง, แต่จริงๆแล้วเราเลือกได้ว่าจะให้มีหรือไม่มี
นอกจากนี้ยังมีการใส่สารเพิ่มฟอง เพราะผู้ใช้มักชอบไอเท็มทำความสะอาดที่มีฟองแยอะๆ

ถ้ามองตามคุณสมบัติจากสาร การไม่มีฟองจะทำให้มีการระคายเคืองน้อยกว่า
ถ้าผู้ใดเปลี่ยนไอเท็มทำความสะอาดจนไม่ไหวจะเคลียร์แล้วยังระคายเคืองอยู่
ลองมองหาไอเท็มทำความสะอาดที่ไม่มีฟอง และมีค่าpHเท่าผิวคือ 5.5 ดูค่ะ คุณอาจได้พบทางออกที่หามานาน


เรื่องที่สาม เจล/ครีม
เมื่อนำไอเท็มที่มีคุณสมบัติไม่มีฟอง pH5.5เหมือนกัน แต่ลักษณะต่างกันคือเป็นเจลและครีมมาพิจารณา
การใช้ครีมเบสเพื่อให้เกิดเป็นเจลกับครีม ใช้ส่วนประกอบที่แตกต่างกัน
เจล จะใช้สารพวกโพลีเมอร์(ซึ่งแบ่งย่อยได้อีกหลายชนิด)ซึ่งอุ้มน้ำได้แยอะมาก
___ในไอเท็มเจลล้างหน้าอาจใช้สารพวกนี้แค่ 0.5% กับน้ำ*สูงถึง 70+% ของสารทั้งหมดในสูตร
___และให้ลักษณะเนื้อสารที่ใส(จากการปรับpH ในส่วนประกอบของเจลเราจึงอาจพบ Triethanolamine อยู่ในสูตรได้)
___การทำเจลค่อนข้างจะง่าย เพียงเตรียมน้ำ(ที่อาจเติมกลีเซอรีนลงไปด้วย)แล้วโปรยสารก่อเจล แค่นี้เราก็ได้เจลแล้ว
เพียงแต่เจลที่ได้ในขั้นตอนนี้จะยังขุ่น เราก็เติมสารปรับpHพร้อมสารสำคัญและอื่นๆเช่นสารกันเสีย**ลงไป
ครีม ใช้สารพวกน้ำมันและน้ำผสมเข้าด้วยกัน เนื้อสารที่ได้จะขุ่นและหนักกว่าแบบเจล
___ในการผลิตความยุ่งยากซับซ้อนก็จะมีมากกว่าครีม คนสิบคนผลิตครีมด้วยสูตรเดียวกัน คุณภาพที่ได้จะแตกต่างกันมาก
ในด้านการทำความสะอาดระหว่างเจลกับครีมจึงขึ้นกับครีมเบสเป็นประการสำคัญ
คนที่ผิวหน้าอ่อนแอมากๆ(โดยเฉพาะผิวที่มันร่วมด้วย) อาจเหมาะกับรูปแบบเจลมากกว่าครีม

คนที่ผิวหน้าอ่อนแอมากๆ มากๆๆๆๆ 
จึงแนะนำไอเท็มล้างหน้าที่เป็น 1. เจล /2. pH5.5 /3. ไม่มีฟอง 

*เป็นน้ำที่ต้องควบคุมคุณภาพ
หลายคนทราบว่าในเจล100กรัม มีน้ำอยู่มากถึง 70กว่ากรัมก็ตกใจว่าทำไมต้องซื้อน้ำแพงขนาดนี้
ที่จริงแล้วแม้จะเป็นน้ำก็ต้องเป็นน้ำที่ผ่านมาตรฐาน
นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายที่มองไม่เห็นอื่นๆ เช่น ค่าเสียหายจากการพัฒนาสูตร ค่าครีมสุ่มทดสอบ ค่าทำความสะอาด เป็นต้น
ซึ่งกระบวนการในส่วนนี้ระดับของคุณภาพระหว่างครีมทั่วๆไป กับครีมเคาท์เตอร์จะแตกต่างกัน
ทำให้ต้นทุนของครีมบางชนิดต่ำจนคาดไม่ถึงได้

**หลายคนได้ยินคำว่าสารกันเสียแล้วไม่ชอบ แต่ในทางการผลิตและคุณภาพเราไม่อาจหลีกเลี่ยงพวกเขาได้
ด้วยในสูตรซึ่งมีน้ำสูงถึง70+% ทำให้แบคทีเรียชอบและมาเติบโตในเจลได้
เหมือนยาน้ำ ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงการใช้เทคนิคกันเสียไม่ได้
 เราจึงพบยาน้ำสูตรที่ใช้แอลกอฮอล์บ้าง สูตรที่โฆษณาว่าไร้สารกันเสียบ้าง แตกต่างกันไป



Written by : Your Name - Describe about you

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit. Etiam id libero non erat fermentum varius eget at elit. Suspendisse vel mattis diam. Ut sed dui in lectus hendrerit interdum nec ac neque. Praesent a metus eget augue lacinia accumsan ullamcorper sit amet tellus.

Join Me On: Facebook | Twitter | Google Plus :: Thank you for visiting ! ::

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น